ห้องเรียนในฝัน
ห้องเรียนในฝันของฉัน
โรงเรียนในฝันของฉัน ควรเป็นอย่างไร ห้องเรียนในฝันคือ ห้องที่เด็กเรียนแล้วมีความสุข ได้ความรู้ และเกิดความรักที่จะเรียน ซึ่งห้องเรียนในฝันจะเกิดได้ขึ้นอยู่กับ คุณครู และความพร้อมของห้องเรียน บทเรียน สื่อการสอน และอุปกรณ์การเรียน
1. สภาพแวดล้อมชวนให้อยากเรียนรู้
ห้องเรียนควรมีสภาพแวดล้อมเชื้อเชิญให้ผู้เรียนเกิดความต้องการที่จะเรียนรู้ และเอื้อให้ครูกับนักเรียนใกล้ชิดกันมากที่สุด โดยกระทรวงศึกษาได้กำหนดจำนวนที่เหมาะสมของนักเรียนต่อห้องเรียน แบ่งตามระดับการศึกษา ดังนี้
– จำนวนของนักเรียนระดับปฐมวัย 30 คนต่อห้องเรียน
– จำนวนของนักเรียนระดับประถมศึกษา 30 คนต่อห้องเรียน
– จำนวนของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา 40 คนต่อห้องเรียน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริงคือ ยังมีห้องเรียนอีกมากที่มีจำนวนของนักเรียนเยอะจนแออัด ดังนั้นครูจึงมีหน้าที่ในการสร้างบรรยากาศห้องเรียนที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดต่างๆ ออกมาให้เอื้อต่อการเรียนรู้มากที่สุด เช่นการเว้นทางเดินในห้องเรียนให้โล่ง ไม่มีสิ่งกีดขวาง เป็นระเบียบ นอกจากนี้ครูยังควรจัดหาอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการจัดการเรียนรู้อย่างน้อยก็ในระดับพื้นฐานให้แก่นักเรียน โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณผนังห้อง ไม่ควรปล่อยไว้ให้โล่งเปล่า แต่ครูสามารถสร้างให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับการเรียนรู้ที่ไม่จำกัดเฉพาะในกระดานดำ
2. ผู้เรียนมีความเข้าใจและปฏิบัติตามกฏของห้องเรียน
ครูเป็นผู้ที่มีบทบาทหลักในการวางแผนและออกแบบการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน รวมทั้งการวางกฏเกณฑ์ กระบวนการ และแจ้งให้ผู้เรียนทราบถึงกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตลอดปีการศึกษา ทั้งนี้ควร ติดประกาศไว้ในที่ที่ง่ายต่อการมองเห็น
นอกจากนี้ การที่ครูหาประโยคที่เป็นข้อคิดหรือให้กำลังใจในการเรียนมาติดไว้ในห้องเรียนก็สามารถสร้างพลังและทำให้นักเรียนเกิดความเข้าใจว่า คุณครูของเขาคาดหวังต่อตัวของเขาอย่างไร นับเป็นวิธีการง่ายๆ ในการทำให้เด็กมีวินัยในตัวเอง
3. นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้
ในห้องเรียนควรมีบรรยากาศการเคลื่อนไหว เสียงหัวเราะ แม้แต่การพูดคุยส่งเสียงดังก็ยังได้ เพราะมันแสดงให้เห็นถึงการเรียนรู้ในเชิงรุก ซึ่งแตกต่างจากห้องเรียนที่เงียบสงบอย่างเช่นในอดีต นักเรียนในห้องเรียนนี้ควรได้รับอนุญาตให้ลุกขึ้นหรือนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเองได้ตามใจ เพื่อจะสร้างการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่พวกเขาสนใจและส่งเสริมให้พวกเขาคิดและรู้จักค้นคว้าด้วยตนเอง
เด็กๆ ควรพูดมากกว่าครู และห้องเรียนที่มีการจัดการเรียนรู้ที่ดีจะไม่มีเด็กหลับหรือนั่งอย่างเกียจคร้านเพื่อรอให้หมดเวลาเรียน
4. สมาชิกในห้องมีความเคารพซึ่งกันและกัน
คุณครูและนักเรียนปฏิบัติต่อกันด้วยความเคารพและให้เกียรติกัน ผ่านทางการปฏิบัติและทางวาจา รวมทั้งน้ำเสียงเวลาพูดคุยกัน และนอกจากการพูดจาอย่างสุภาพต่อกันแล้ว นักเรียนยังส่งเสียงแสดงความคิดเห็นและความต้องการของตนเองด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความมั่นใจ เพราะเสียงของพวกเขาทุกคนได้รับการฟังอย่างตั้งใจ ไม่ใช่แค่ความเคารพระหว่างครูกับนักเรียนเท่านั้น แต่นักเรียนยังเคารพซึ่งกันและกัน ยอมรับในความแตกต่างของเพื่อนอย่างเข้าอกเข้าใจ รวมถึงการมีความสามารถในการทำงานร่วมกันเป็นทีม
5. ทุกคนมีความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตัวเอง
ห้องเรียนที่ดีคือ ห้องเรียนที่นักเรียนในห้องเรียนฟังคุณครู แต่การฟังและการยอมปฏิบัติตามกติกาไม่ได้มาจากการกลัวการลงโทษ หรือแรงกระตุ้นเชิงลบ ในทางกลับกันนั้น นักเรียนได้รับการส่งเสริมให้มีความเข้าใจในความสำคัญของการประพฤติตัวที่ดีเพื่อผลดีที่จะเกิดขึ้นต่อตนเองในระยะยาว ซึ่งนับเป็นหน้าที่อันสำคัญของครูในการสรรหาวิธีการที่หลากหลายที่จะกระตุ้นให้เด็กๆ เกิดความอยากเรียนรู้และมุ่งสู่เป้าหมายของความสำเร็จในอนาคตของเขา
6. คุณครู ที่มีส่วนสำคัญในการสอน
คุณครูนั้นต้องสร้างบรรยากาศแห่งความสุขในการเรียน กระตุ้นให้เด็กได้คิด ชอบที่จะเรียน มีเทคนิคในการนำเข้าบทเรียนที่น่าสนใจ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เพราะคุณครูต้องอาศัยเหตุการณ์ต่างๆ ที่เด็กๆ สนใจ เชื่อมเข้ากับบทเรียนที่คุณครูมีความรู้ในเรื่องที่จะสอนนั้นแล้วเป็นอย่างดี มีความสามารถในการสื่อสาร สอนให้เด็กได้เข้าใจในบทเรียน รวมทั้งคุณครูต้องมีจิตวิทยาในการสอน และไม่เบื่อที่จะสอน เพราะเด็กแต่ละคนมีความสามารถในการเรียนรู้ที่ต่างกัน บางคนสอนครั้งเดียวก็เข้าใจ บางคนเหมือนขันที่คว่ำไว้ สอนอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ส่ายหัวทุกที ชวนให้มีอารมณ์ และสัดส่วนของครูควรพอดีกับนักเรียน สามารถดูแลให้ความรู้เด็กได้ทั่วถึง
7. บทเรียนที่สอน
ควรจัดเนื้อหาให้เหมาะสมกับเด็ก และสอดคล้องกับสังคมที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะเรื่องของภาษาต่างประเทศ และคอมพิวเตอร์ ที่ต้องใช้ในยุคโลกไร้พรมแดน แต่วิชาที่เสริมคุณธรรม เช่น หน้าที่พลเมือง ควรต้องเอามาสอนเน้นให้รู้และให้ทำครับ เด็กๆ ต้องรู้ว่าในฐานะพลเมืองที่ดีของไทยต้องทำอย่างไรบ้าง
8. สื่อการสอนและอุปกรณ์การเรียน
ควรมีสื่อที่เหมาะสมกับเนื้อหาที่เรียนไม่ว่าเป็นเนื้อหาการสอน การปฏิบัติ การทดลองต่างๆ ควรมีอุปกรณ์ให้พอดี พอเพียง ไม่ใช่มีสื่อเล็กๆ หรืออุปกรณ์อันสองอัน ให้เด็กแย่งกันทำหรือดูทั้งห้อง นอกจากนั้นควรเป็นสื่อที่ทันสมัย เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป
สรุป
ห้องเรียนในฝัน ไม่ว่าระดับชั้นไหน ต้องสามารถทำให้ผู้เรียนมีความสุข และรักที่จะเรียน เมื่อเรียนแล้วได้ความรู้ คู่ความดี มีคุณธรรม นำมาใช้ในการดำเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสมกับบริบทของผู้เรียนและของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ที่สำคัญผลิตผลทางการศึกษา ถ้าเน้นแต่ความรู้ ไม่คู่ความดีและมีคุณธรรม สังคมนั้นจะวุ่นวายและไปไม่รอด เพราะจะมีแต่คนเก่งที่ใช้ความรู้ คอยหาแต่ผลประโยชน์ใส่ตน ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมว่าเป็นอย่างไร
อ้างอิงข้อมูลจาก : http://scitru.tru.ac.th/math-resources/?p=227
อ้างอิงข้อมูลจาก : https://www.gotoknow.org/posts/504602?fbclid=IwAR1tshY0XUdwrQZ_LBjwlqindQhn9YadzZMnSz0Ghc3th72DLF3Hv95FLZM
ห้องเรียนควรมีสภาพแวดล้อมเชื้อเชิญให้ผู้เรียนเกิดความต้องการที่จะเรียนรู้ และเอื้อให้ครูกับนักเรียนใกล้ชิดกันมากที่สุด โดยกระทรวงศึกษาได้กำหนดจำนวนที่เหมาะสมของนักเรียนต่อห้องเรียน แบ่งตามระดับการศึกษา ดังนี้
– จำนวนของนักเรียนระดับปฐมวัย 30 คนต่อห้องเรียน
– จำนวนของนักเรียนระดับประถมศึกษา 30 คนต่อห้องเรียน
– จำนวนของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา 40 คนต่อห้องเรียน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริงคือ ยังมีห้องเรียนอีกมากที่มีจำนวนของนักเรียนเยอะจนแออัด ดังนั้นครูจึงมีหน้าที่ในการสร้างบรรยากาศห้องเรียนที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดต่างๆ ออกมาให้เอื้อต่อการเรียนรู้มากที่สุด เช่นการเว้นทางเดินในห้องเรียนให้โล่ง ไม่มีสิ่งกีดขวาง เป็นระเบียบ นอกจากนี้ครูยังควรจัดหาอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการจัดการเรียนรู้อย่างน้อยก็ในระดับพื้นฐานให้แก่นักเรียน โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณผนังห้อง ไม่ควรปล่อยไว้ให้โล่งเปล่า แต่ครูสามารถสร้างให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับการเรียนรู้ที่ไม่จำกัดเฉพาะในกระดานดำ
2. ผู้เรียนมีความเข้าใจและปฏิบัติตามกฏของห้องเรียน
ครูเป็นผู้ที่มีบทบาทหลักในการวางแผนและออกแบบการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน รวมทั้งการวางกฏเกณฑ์ กระบวนการ และแจ้งให้ผู้เรียนทราบถึงกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตลอดปีการศึกษา ทั้งนี้ควร ติดประกาศไว้ในที่ที่ง่ายต่อการมองเห็น
ครูเป็นผู้ที่มีบทบาทหลักในการวางแผนและออกแบบการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน รวมทั้งการวางกฏเกณฑ์ กระบวนการ และแจ้งให้ผู้เรียนทราบถึงกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตลอดปีการศึกษา ทั้งนี้ควร ติดประกาศไว้ในที่ที่ง่ายต่อการมองเห็น
นอกจากนี้ การที่ครูหาประโยคที่เป็นข้อคิดหรือให้กำลังใจในการเรียนมาติดไว้ในห้องเรียนก็สามารถสร้างพลังและทำให้นักเรียนเกิดความเข้าใจว่า คุณครูของเขาคาดหวังต่อตัวของเขาอย่างไร นับเป็นวิธีการง่ายๆ ในการทำให้เด็กมีวินัยในตัวเอง
3. นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้
ในห้องเรียนควรมีบรรยากาศการเคลื่อนไหว เสียงหัวเราะ แม้แต่การพูดคุยส่งเสียงดังก็ยังได้ เพราะมันแสดงให้เห็นถึงการเรียนรู้ในเชิงรุก ซึ่งแตกต่างจากห้องเรียนที่เงียบสงบอย่างเช่นในอดีต นักเรียนในห้องเรียนนี้ควรได้รับอนุญาตให้ลุกขึ้นหรือนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเองได้ตามใจ เพื่อจะสร้างการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่พวกเขาสนใจและส่งเสริมให้พวกเขาคิดและรู้จักค้นคว้าด้วยตนเอง
เด็กๆ ควรพูดมากกว่าครู และห้องเรียนที่มีการจัดการเรียนรู้ที่ดีจะไม่มีเด็กหลับหรือนั่งอย่างเกียจคร้านเพื่อรอให้หมดเวลาเรียน
4. สมาชิกในห้องมีความเคารพซึ่งกันและกัน
5. ทุกคนมีความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตัวเอง
6. คุณครู ที่มีส่วนสำคัญในการสอน
คุณครูนั้นต้องสร้างบรรยากาศแห่งความสุขในการเรียน กระตุ้นให้เด็กได้คิด ชอบที่จะเรียน มีเทคนิคในการนำเข้าบทเรียนที่น่าสนใจ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เพราะคุณครูต้องอาศัยเหตุการณ์ต่างๆ ที่เด็กๆ สนใจ เชื่อมเข้ากับบทเรียนที่คุณครูมีความรู้ในเรื่องที่จะสอนนั้นแล้วเป็นอย่างดี มีความสามารถในการสื่อสาร สอนให้เด็กได้เข้าใจในบทเรียน รวมทั้งคุณครูต้องมีจิตวิทยาในการสอน และไม่เบื่อที่จะสอน เพราะเด็กแต่ละคนมีความสามารถในการเรียนรู้ที่ต่างกัน บางคนสอนครั้งเดียวก็เข้าใจ บางคนเหมือนขันที่คว่ำไว้ สอนอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ส่ายหัวทุกที ชวนให้มีอารมณ์ และสัดส่วนของครูควรพอดีกับนักเรียน สามารถดูแลให้ความรู้เด็กได้ทั่วถึง
คุณครูนั้นต้องสร้างบรรยากาศแห่งความสุขในการเรียน กระตุ้นให้เด็กได้คิด ชอบที่จะเรียน มีเทคนิคในการนำเข้าบทเรียนที่น่าสนใจ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เพราะคุณครูต้องอาศัยเหตุการณ์ต่างๆ ที่เด็กๆ สนใจ เชื่อมเข้ากับบทเรียนที่คุณครูมีความรู้ในเรื่องที่จะสอนนั้นแล้วเป็นอย่างดี มีความสามารถในการสื่อสาร สอนให้เด็กได้เข้าใจในบทเรียน รวมทั้งคุณครูต้องมีจิตวิทยาในการสอน และไม่เบื่อที่จะสอน เพราะเด็กแต่ละคนมีความสามารถในการเรียนรู้ที่ต่างกัน บางคนสอนครั้งเดียวก็เข้าใจ บางคนเหมือนขันที่คว่ำไว้ สอนอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ส่ายหัวทุกที ชวนให้มีอารมณ์ และสัดส่วนของครูควรพอดีกับนักเรียน สามารถดูแลให้ความรู้เด็กได้ทั่วถึง
ควรจัดเนื้อหาให้เหมาะสมกับเด็ก และสอดคล้องกับสังคมที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะเรื่องของภาษาต่างประเทศ และคอมพิวเตอร์ ที่ต้องใช้ในยุคโลกไร้พรมแดน แต่วิชาที่เสริมคุณธรรม เช่น หน้าที่พลเมือง ควรต้องเอามาสอนเน้นให้รู้และให้ทำครับ เด็กๆ ต้องรู้ว่าในฐานะพลเมืองที่ดีของไทยต้องทำอย่างไรบ้าง
8. สื่อการสอนและอุปกรณ์การเรียน
ควรมีสื่อที่เหมาะสมกับเนื้อหาที่เรียนไม่ว่าเป็นเนื้อหาการสอน การปฏิบัติ การทดลองต่างๆ ควรมีอุปกรณ์ให้พอดี พอเพียง ไม่ใช่มีสื่อเล็กๆ หรืออุปกรณ์อันสองอัน ให้เด็กแย่งกันทำหรือดูทั้งห้อง นอกจากนั้นควรเป็นสื่อที่ทันสมัย เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป
สรุป
ห้องเรียนในฝัน ไม่ว่าระดับชั้นไหน ต้องสามารถทำให้ผู้เรียนมีความสุข และรักที่จะเรียน เมื่อเรียนแล้วได้ความรู้ คู่ความดี มีคุณธรรม นำมาใช้ในการดำเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสมกับบริบทของผู้เรียนและของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ที่สำคัญผลิตผลทางการศึกษา ถ้าเน้นแต่ความรู้ ไม่คู่ความดีและมีคุณธรรม สังคมนั้นจะวุ่นวายและไปไม่รอด เพราะจะมีแต่คนเก่งที่ใช้ความรู้ คอยหาแต่ผลประโยชน์ใส่ตน ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมว่าเป็นอย่างไร
ห้องเรียนในฝัน ไม่ว่าระดับชั้นไหน ต้องสามารถทำให้ผู้เรียนมีความสุข และรักที่จะเรียน เมื่อเรียนแล้วได้ความรู้ คู่ความดี มีคุณธรรม นำมาใช้ในการดำเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสมกับบริบทของผู้เรียนและของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ที่สำคัญผลิตผลทางการศึกษา ถ้าเน้นแต่ความรู้ ไม่คู่ความดีและมีคุณธรรม สังคมนั้นจะวุ่นวายและไปไม่รอด เพราะจะมีแต่คนเก่งที่ใช้ความรู้ คอยหาแต่ผลประโยชน์ใส่ตน ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมว่าเป็นอย่างไร
อ้างอิงข้อมูลจาก : http://scitru.tru.ac.th/math-resources/?p=227
อ้างอิงข้อมูลจาก : https://www.gotoknow.org/posts/504602?fbclid=IwAR1tshY0XUdwrQZ_LBjwlqindQhn9YadzZMnSz0Ghc3th72DLF3Hv95FLZM
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น